คำสั่งดังกล่าวระบุให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและกรมป่าไม้แห่งชาติ ดำเนินการเพิ่มปริมาณการผลิตไม้ในประเทศอย่างน้อย 25% ภายในสิ้นปี 2025 โดยมุ่งเน้นไปที่การเปิดพื้นที่ป่าไม้ของรัฐบาลกลางให้สามารถตัดไม้ได้อย่างยั่งยืน รวมถึงลดขั้นตอนการขออนุญาตในการแปรรูปและตัดไม้
ประธานาธิบดีทรัมป์ให้เหตุผลว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องพึ่งพาไม้ในประเทศมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และรับมือกับปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าและภัยพิบัติทางธรรมชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การขยายกำลังการผลิตไม้ในประเทศจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคที่พึ่งพาอุตสาหกรรมไม้เป็นหลัก โดยเฉพาะรัฐที่มีป่าไม้หนาแน่น เช่น โอเรกอน วอชิงตัน และมอนทานา ซึ่งอาจได้เห็นการสร้างงานใหม่ในภาคตัดไม้ แปรรูปไม้ และโลจิสติกส์
อย่างไรก็ตาม กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมออกมาแสดงความกังวลว่าการเพิ่มอัตราการตัดไม้โดยไม่ควบคุมอย่างเข้มงวด อาจทำให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบ และเกิดการกัดเซาะหน้าดิน ไฟป่า และการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าได้
นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมไม้ชี้ว่า หากดำเนินการอย่างรอบคอบ การเพิ่มกำลังการผลิตไม้ในประเทศจะเป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพาไม้จากประเทศคู่แข่งทางการค้า เช่น แคนาดาและจีน อีกทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการก่อสร้างในประเทศ