เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ บรู๊ค โรลลินส์ ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยสั่งให้กรมป่าไม้ของสหรัฐฯ เปิดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติประมาณ 112.5 ล้านเอเคอร์ให้สามารถทำการตัดไม้ได้ประกาศดังกล่าวมีแผนที่ป่าที่ได้รับผลกระทบซึ่งไม่ระบุชื่อป่าหรือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้ยืนยันกัหนังสือพิมพ์ The Times ว่าคำสั่งดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั้ง 18 แห่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีพื้นที่รวมกันกว่า 20 ล้านเอเคอร์ “กรมป่าไม้ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ พร้อมที่จะปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าสงวนแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และยืดหยุ่นตามที่ระบุไว้ในบันทึกข้อตกลง” หน่วยงานดังกล่าวระบุในแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร “เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐมนตรี เราจะปรับ กระบวนการ จัดการป่าไม้ ให้มีประสิทธิภาพ ลดกฎระเบียบที่ยุ่งยาก และสร้างความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืน”รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นที่ตั้งของป่าของรัฐบาลกลางมากกว่ารัฐอื่นใด รวมถึงป่าสงวนแห่งชาติแองเจลิส ซีควอยา และคลาแมธ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลกรมป่าไม้ กล่าวว่าพวกเขายังไม่มีข้อมูลว่าป่าแต่ละแห่งจะได้รับผลกระทบกี่เอเคอร์คำสั่งดังกล่าวมีที่มาจากคำสั่งฝ่ายบริหารล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ให้ขยายการผลิตไม้ของอเมริกาขึ้นร้อยละ 25 โดยโรลลินส์กล่าวในประกาศของเธอว่าคำสั่งดังกล่าวจะ `ช่วยให้จัดหาไม้ในประเทศได้ดีขึ้น สร้างงานและความเจริญรุ่งเรือง ลดภัยพิบัติจากไฟป่า ปรับปรุงแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์ป่า และลดต้นทุนการก่อสร้างและพลังงาน`

บันทึกภายในจากคริส เฟรนช์ รองหัวหน้ากรมป่าไม้รักษาการ สั่งให้หัวหน้า ภูมิภาคของ กรมป่าไม้ ทั้ง 9 แห่งพัฒนากลยุทธ์ 5 ปีเพื่อเพิ่มปริมาณไม้ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณไม้ทั่วทั้งหน่วยงานร้อยละ 25 ในอีก 4 ถึง 5 ปีข้างหน้ากลุ่มสิ่งแวดล้อมแสดงความไม่พอใจต่อคำสั่งของประธานาธิบดี โดยพวกเขาบอกว่าคำสั่งดังกล่าวจะหลีกเลี่ยงการคุ้มครองทางกฎหมายการพิจารณาถึงพันธุ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และความคิดเห็นของประชาชน เพื่อเร่งการตัดไม้และการกำจัดพืชพันธุ์ เช่น ต้นไม้ พืช และพุ่มไม้Jeff Kuyper กรรมการบริหารขององค์กรไม่แสวงหากำไร Los Padres ForestWatch เขียนในอีเมลว่า `นี่เป็นความพยายามอย่างลับๆ ที่จะเพิ่มการตัดไม้ในป่าสงวนแห่งชาติของเรา หลีกเลี่ยงกฎหมายสิ่งแวดล้อม และหารายได้เข้ากระเป๋าให้กับอุตสาหกรรมไม้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ประกอบกับการไล่คนออกเป็นจำนวนมากการตัดงบประมาณและการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จะสร้างความหายนะให้กับป่าสงวนแห่งชาติ Los Padres และป่าสงวนแห่งชาติอื่นๆ ทั่วประเทศ`ป่าสงวนแห่งชาติ Los Padres ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของเมือง Monterey, San Luis Obispo, Santa Barbara, Ventura และ Kern Kuyper กล่าวว่าคำสั่งของรัฐบาลทรัมป์ดูเหมือนจะทำให้พื้นที่ป่าอย่างน้อย 80% จากทั้งหมด 1.75 ล้านเอเคอร์ถูกยึดครองในคำสั่งของเขา ประธานาธิบดีโต้แย้งว่า `นโยบายของรัฐบาลกลางที่เข้มงวดเกินไป` จากรัฐบาลชุดก่อนทำให้สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาผู้ผลิตไม้จากต่างประเทศโดยไม่จำเป็น ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวจึงสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ ล่าสุดของฝ่ายบริหารที่ต้องการผ่อนปรนกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อแลกกับต้นทุนผู้บริโภคที่ลดลงและอิสระจากประเทศอื่นๆ มากขึ้น

แต่ทรัมป์ยังอาศัยภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เป็นเหตุผลในการให้เหตุผล โดยระบุว่า “โครงการจัดการป่าไม้และลดความเสี่ยงจากไฟป่าสามารถช่วยชีวิตและชุมชนของชาวอเมริกันได้” การจัดการป่าไม้ถือเป็นปัญหาใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากการป้องกันไฟป่ามาหลายสิบปีทำให้พืชพรรณต่างๆ เติบโตมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ไฟป่าลุกลามและลุกลามบ่อยครั้งมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการตัดไม้ทำลายป่าไม่เหมือนการตัดไม้หรือเล็มหญ้าเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งบางคนบอกว่าอาจทำให้พื้นที่ติดไฟได้ง่ายขึ้น เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันบ่อยครั้ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ป่าไม้ของรัฐได้รับผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งรุนแรง การระบาดของแมลงเปลือกไม้ และปัจจัยกดดันอื่นๆ ที่ส่งผลให้ต้นไม้ตายเพิ่มมากขึ้นยิ่งไปกว่านั้น การหลั่งไหลของผู้คนจำนวนมากที่ย้ายเข้ามาในพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างป่ากับเมืองหรือพื้นที่ที่การพัฒนาของมนุษย์พบกับภูมิทัศน์ธรรมชาติ มีส่วนทำให้เกิด `วิกฤตไฟป่าและสุขภาพของป่าไม้แบบเต็มรูปแบบ` ตามที่โรลลินส์บรรยายไว้ “ป่าที่มีสุขภาพดีต้องอาศัยการทำงาน และตอนนี้ เรากำลังเผชิญกับภาวะฉุกเฉินด้านป่าระดับชาติ” โรลลินส์เขียนไว้ในแถลงการณ์ “เรามีไม้จำนวนมากที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟไหม้ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติของเรา ฉันภูมิใจที่ได้เดินตามรอยความเป็นผู้นำที่กล้าหาญของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยส่งเสริมให้ผู้จัดการป่าไม้ลดข้อจำกัดและลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ แมลง และโรคต่างๆ ลง เพื่อที่เราจะได้เสริมสร้างอุตสาหกรรมไม้ของอเมริกา และทำให้ป่าของเราอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยทรัพยากรที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต”

กรมป่าไม้ดูแลพื้นที่ป่า 144 ล้านเอเคอร์ใน 43 รัฐ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 43 ล้านเอเคอร์ที่เหมาะแก่การผลิตไม้ โรลลินส์กล่าว
แม้ว่าคำสั่งของรัฐบาลกลางจะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่แคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะ แต่ก็มุ่งเป้าไปที่ความตึงเครียดที่ปะทุขึ้นระหว่างรัฐและประธานาธิบดี ในวาระแรกของเขาในปี 2561 ทรัมป์กล่าวโทษนโยบายการจัดการที่ดินของรัฐบาลว่าเป็นต้นเหตุของไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย และแนะนำว่ารัฐบาลควร `กวาด` พื้นป่าอย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ยอมรับว่ารัฐบาลกลางควบคุมพื้นที่ป่าไม้ของรัฐ 33 ล้านเอเคอร์ถึง 57 เปอร์เซ็นต์ในคำแถลงของ Randi Spivak ผู้อำนวยการที่ดินสาธารณะของศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร กล่าวว่าคำสั่งของประธานาธิบดีนั้นไม่ต่างจากการ `ป้อนป่าสงวนแห่งชาติของเราเข้าไปในเครื่องย่อยไม้` Spivak กล่าวว่า `การใช้รถปราบดินและเลื่อยยนต์ในที่ดินสาธารณะที่สวยงามเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า ลำธารที่มลพิษ และสัตว์ต่างๆ ที่สูญพันธุ์ไป พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติมากกว่า 110 ล้านเอเคอร์ตกอยู่ภายใต้คำสั่งอันตรายนี้ เราจะใช้ทุกวิถีทางทางกฎหมายที่มีอยู่เพื่อหยุดยั้งการบังคับใช้คำสั่งนี้ของรัฐบาลทรัมป์`