บริษัท SDS Lumber ผู้ผลิตไม้รายใหญ่ในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศปิดกิจการโรงงานไม้อัดในเมืองบิงเกน (Bingen) รัฐวอชิงตัน ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2025 การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลให้พนักงานกว่า 80 คนต้องถูกเลิกจ้าง พร้อมกับกระทบต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมไม้ในท้องถิ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทางบริษัทออกแถลงการณ์ระบุว่า โรงงานไม้อัดดังกล่าวประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้นทุนด้านวัตถุดิบและพลังงาน ในขณะที่ความต้องการในตลาดไม้อัดเริ่มลดลงจากการชะลอตัวของภาคการก่อสร้างทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลกระทบที่สะสมต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024
“เราตัดสินใจอย่างยากลำบากในการปิดโรงงาน เนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างต้นทุนการผลิตกับรายได้ที่ลดลง โรงงานไม้อัดของเรามีบทบาทสำคัญในชุมชนนี้มาเป็นเวลาหลายสิบปี เราขอขอบคุณพนักงานทุกคนที่ทุ่มเทตลอดระยะเวลาอันยาวนาน” ผู้บริหารของ SDS Lumber กล่าว
การปิดโรงงานไม้อัดของ SDS Lumber เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของแรงกดดันในอุตสาหกรรมไม้แปรรูปและไม้ก่อสร้างในอเมริกาเหนือ แม้ว่าในบางภาคส่วน เช่น ไม้เนื้อแข็งและไม้นำเข้า จะยังมีความต้องการอยู่ แต่ภาคไม้อัดกลับเผชิญกับภาวะอิ่มตัวของตลาด โดยเฉพาะในตลาดที่เน้นต้นทุนต่ำและการผลิตจำนวนมาก
นักเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมยังตั้งข้อสังเกตว่า การลดการผลิตไม้ในประเทศอาจส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องหันไปพึ่งพาการนำเข้าไม้จากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบด้านเศรษฐกิจและความยั่งยืนของทรัพยากรในระยะยาว
สำหรับพนักงานของโรงงานไม้อัด SDS Lumber ที่กำลังเผชิญกับการเลิกจ้าง หน่วยงานรัฐในพื้นที่ได้เริ่มวางแผนจัดหางานใหม่และฝึกอบรมเพื่อรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกัน หน่วยงานด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อมต่างจับตาดูผลกระทบเชิงโครงสร้างของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไม้ที่เคยมีบทบาทหลักในเศรษฐกิจท้องถิ่น